วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ขอแปลงสัญชาติตามสามีผัวไทยเมียคนพื้นที่สูงทางเหนือเรานี่แหละ

จากที่เคยได้เขียน  blogger เกี่ยวกับการขอแปลงสัญชาติของพี่น้องเราทุกคนที่ควรจะมีสิทธิได้ตามสมควรแล้วเนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการใช้ชีวิตเลยในทุกๆด้านทุกๆมิติ

11 ธันวาคม 2557 12:17 วันนี้ผมโทรไปที่ กระทรวงมหาดไทย แผนกทะเบียนราษ ได้เรื่องมาว่า หลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสให่เมียเราแล้วแล้วรอให้ครบสามปีนะก่อนครบสักสองปีหรือปีเดียวก็ได้
จากนั้น
        ให้ทำการไปยื่นแบบเสียภาษี  ภงด 91 ที่สรรพากรเขตใกล้บ้าน เป้นเวลาหนึ่งปี หลังจากนั้นให้ไปยื่นขอแปลงสัญชาติไทยให้เมียเราที่เมียเรา ขึ้นทะเบียนโดยตรงอย่างเมียผมอำเภอไชยปราการเชียงใหม่ พอครบกำหนดสามปีนับจากที่จดทะเบียนสมรส
ให้เตรียมเอกสารการเสียภาษีนั้นในปีนั้นเลยพร้อมหนังสือจดทะเบียนสมรสไปที่อำเภอที่เมียเราขึ้นทะเบียนไว้ และทำการขอยื่นแปลงสัญชาติตามสามี หลังจากนั้นก็รอตามกระบวนการราชกาลถ้าเขารีบทำดำเนินเรื่องก็คงสักปีกว่าเรื่องคงส่งจากอำเภอมาจังหวัดจากนั้นจังหวัดส่งต่อมา กทม รอรัฐมนตรีสักคนเซ็นหลังจากหารือ
อย่างที่ว่าไวไวๆก็ปีกว่าคงเสร็จแต่ที่ผมรู้มาน่าจะเกือบห้าปีหรือมากกว่า   โถๆๆ ผมสงสารเมียผมจังรอมาสิบห้าปี เดินเรื่องแล้วยังต้องรออีกห้าหรือสิบปีเนี่ย .......*********
       ถ้าทางอำเภอติดขัดไม่เข้าใจอะไรในข้อกฏหมายทาง ทะเบียนราษลำลูกกาบอกว่าให้โทรติดต่อไปหาเขาได้โดยตรงเลย  ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมยิ้มน้ำตาแทบใหลที่ยังมีคนใส่ใจสนใจคน กลุ่มน้อยๆที่ยังรอสัญชาติหลังจดทะเบียนสมรส 
       เรารอมานานสิบกว่าปีที่รอคอย
  ขอขอบคุณ  จนท และหัวหน้า ทะเบียนราษ ลำลูกกา นะครับที่กรุณาลูกนกลูกกกาที่ต่อสู้เรื่องนี้มาอย่างเดียวดายในสุดท้ายท่านก็มาช่วยไว้  ผมรู้ว่าท่านชื่อ หัวหน้า ชื่อ จิรวัฒ เกตุสวัส  ผมเคยคุยกับท่านท่านใจดีมากๆๆ จำชื่อได้ครับขอบคุณครับ

วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คนเชื้อสายจีนที่อำเภอไชยปราการเชียงใหม่ขอสัญชาติไม่เห็นได้สักทียื่นเรื่องนานแล้ว

we are people need thai nationality (who is chinese that 's live in north of thailand chaiprakarn village ...............
ตามที่ จนท อำเภอไชยปราการบอกให้ทำการยื่นเรื่องขอสัญชาติ ตามมติกระทรวงมหาดไทยเขาบอกมาว่าให้คนไทยเชื้อสายจีนที่อยู่เมืองไทยตั้งแต่ปี 2538 หรือมีหลักฐานการรเกิดในไทยให้ไปยื่นเรื่องขอสัญชาตินี่ก็ผ่านมานานแล้วเงียบตามระเบียบ บางคนอยู่เมืองทยมาทั้งชีวิตหรือมากกว่ายี่สิบสามสิบปีไม่ได้สัญชาติสักที ทั้งๆพวกเขาก็จ่ายภาษีหรือค่าธรรมเนียมให้ทางอำเภอนั้นๆมานานหลายสิบปีหรือน้อยกว่าก็ตามแต่รับรองไม่น้อยกว่าสิบห้าถึงยี่สิบปีแน่ๆ แต่นี่ยังไม่ได้รับสัญชาติก้ไม่มีสิธิการรักษาเลยจ่ายเงินสดสถานเดียวทั้งๆเงินเดือนก็นิดเดียวซื้อ บ้านซื้อ รถก็ไมได้ แถมเวลาจะไปต่างประเทศทั้งทีก็ไปไม่ได้ เพราะอะไร เพราะ ไมาสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้ไงครับ ผมอยากรู้จริงๆว่าเมื่อไหร่เขาจะได้สัญชาติสักที ผู้ที่เกี่ยวข้องมัวทำไรอยู่หรอ ได้โปรดรับทราบไว้เลยนะครับด้วยความเคารพ พวกเขา ใช้ชีวิตลำบากมากๆเลย ลองคิดดูคนสักคนใช้ชีวิตแบบไม่มีบัตรประชาน


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น  ทำงานที่กทม หรือที่อื่นๆเช่นภูเก็ต ไกลน่าดูจากเชียงใหม่แต่ต้องมาต่อการออกนอกพื้นที่ทุกๆหกเดือนหรือหนึ่งปีแล้วแต่พื้นที่นั้นๆ ค่าใช้จ่ายเดินทางแต่ละครั้งไปกลับท่านลองคิดดูหกเดือนหรือปีแค่ทำงานแปปเดียวก็ครบแล้วขึ้นลงบ่อยเหนื่อยพอทนแต่จะหาเงินมาจ่ายค่าเดินทางแบบนี้ไหวหรอหรือจะไปต่างประเทศออกนอกไทยก้ไม่ได้ ด้วยความที่ยังไม่ได้สัญชาตินี่แหละซื้อตั๋วเครื่องบินก็ไม่ได้













thailand nationality request


(for chinese people who live in thailand in chiangmai for long time)


มหาดไทยออกหลักเกณฑ์ใหม่ให้สัญชาติบุตรของบุคคลไม่มีสัญชาติไทย

รมว.มหาดไทยออกประกาศให้บุตรของผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งเกิดในราชอาณาจักรไทยได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป ครอบคลุมคนไทยพลัดถิ่น จนถึงกลุ่มชาติพันธุ์ 14 กลุ่ม คนไร้รากเหง้าซึ่งเกิดเมืองไทย อยู่มานาน เรียนหนังสือไทย ประกอบอาชีพสุจริต และให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะแก่บุตรของบุคคลต่างด้าวที่มีผลงาน และสาขาที่ขาดแคลน
หมายเหตุ: เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง “การสั่งให้บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป และการให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย” โดยมีหลักเกณฑ์ให้สัญชาติ 4 กลุ่มได้แก่
หนึ่ง บุตรของบุคคลที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยและอาศัยอยู่เป็นเวลานานที่มีเชื้อสายไทยและเกิดในประเทศไทย ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเฉพาะชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับรองสถานะให้อาศัยอยู่ถาวรในประเทศไทยไว้แล้ว รวม 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกงประเทศกัมพูชาที่อพยพเข้ามาก่อนและหลัง 15 พฤศจิกายน 2520 2.กลุ่มผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทยที่อพยพเข้ามาก่อนและหลัง 9 มีนาคม 2519 และ 3.กลุ่มชาวลาวภูเขาอพยพ ทั้งนี้ เฉพาะผู้ที่ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติและมีเอกสารแสดงตน (เข้ามาถึงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2538) โดยสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป
สอง บุตรของบุคคลที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยและอาศัยอยู่มานานที่มิได้มีเชื้อสายไทย และเกิดในประเทศไทย ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเฉพาะชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับรองสถานะให้อาศัยอยู่ถาวรในประเทศไทยไว้แล้ว รวม 14 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่มชาวเขา 9 เผ่า 2.กลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนพื้นที่สูงที่อพยพเข้ามาก่อนและหลัง 3 ตุลาคม 2528 3.กลุ่มอดีตทหารจีนคณะชาติ 4.กลุ่มจีนฮ่ออพยพพลเรือน 5.กลุ่มจีนฮ่ออิสระ 6.กลุ่มผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า 7.กลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมืองจากพม่า 8.กลุ่มชาวเวียดนามอพยพ 9.กลุ่มชาวลาวอพยพ 10.กลุ่มเนปาลอพยพ 11.กลุ่มอดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา 12.กลุ่มไทยลื้อ 13.กลุ่มม้งถ้ำกระบอกที่ทำประโยชน์ และ 14.กลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวกัมพูชา
ทั้งนี้ เฉพาะผู้ที่ได้รับการสำรวจ จัดทำทะเบียนประวัติและมีเอกสารแสดงตน (เข้ามาถึงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2538) โดยสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป (หลักเกณฑ์นี้ไม่ครอบคลุมกลุ่มบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ประเภทที่อาศัยอยู่มานานซึ่งสำรวจภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ในระหว่างปี พ.ศ. 2549 ถึงปี พ.ศ. 2552)
สาม บุตรของคนต่างด้าวที่เกิดในราชอาณาจักรไทยและถูกบุพการีทอดทิ้งหรือไม่ปรากฏบิดาและมารดา (คนไร้รากเหง้า) ครอบคลุมเฉพาะผู้ที่ได้รับการสำรวจ จัดทำทะเบียนประวัติและเอกสารแสดงตน ตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 (บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน กลุ่มคนไร้รากเหง้า) ซึ่งได้รับการสำรวจในระหว่างปี พ.ศ. 2550 ถึงปี พ.ศ. 2552 ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป
สี่ บุตรของคนต่างด้าวที่เกิดในราชอาณาจักรไทยที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศ โดยบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ต้องมาแสดงตัวให้ทางราชการพิจารณาพร้อมหลักฐานการทำคุณประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ที่มีคุณประโยชน์และผลงานด้านการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การกีฬา และสาขาที่ขาดแคลน
ห้า กรณีบุตรของคนต่างด้าว กลุ่มเด็กและบุคคลทั้งที่กำลังเรียนอยู่ในสถานศึกษาและจบการศึกษาแล้ว แต่ไมมีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ครอบคลุมเฉพาะผู้ที่ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติและเอกสารแสดงตนในกลุ่มชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้สำรวจจัดทำทะเบียนประวัติไว้ถึงปี พ.ศ. 2542 และสำรวจเพิ่มเติมตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 (บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน กลุ่มเด็กนักเรียนในสถานศึกษา) ซึ่งได้รับการสำรวจในระหว่างปี พ.ศ. 2548 ถึงปี พ.ศ. 2552 หากมีคุณสมบัติตามที่กำหนดในมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ให้ยื่นคำร้องขอลงรายการสัญชาติไทย หากไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว ให้นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณากำหนดสถานะภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราม พ.ศ. 2548 ตามสถานะของบิดาและมารดา
โดยรายละเอียดของประกาศกระทรวงมหาดไทยมีดังแนบท้ายนี้ และสำหรับรายละเอียดของประกาศทั้งหมดและแบบคำร้องสามารถดาวโหลดได้ที่นี่
000
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การสั่งให้บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป และการให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงได้มีคำสั่งให้บุคคลซึ่งมีลักษณะตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป หรือได้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ดังนี้
ข้อ 1 บุตรของบุคคลที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยและอาศัยอยู่เป็นเวลานานที่มีเชื้อสายไทยและเกิดในประเทศไทย ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเฉพาะชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับรองสถานะให้อาศัยอยู่ถาวรในประเทศไทยไว้แล้ว รวม 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกงประเทศกัมพูชาที่อพยพเข้ามาก่อนและหลัง 15 พฤศจิกายน 2520 2.กลุ่มผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทยที่อพยพเข้ามาก่อนและหลัง 9 มีนาคม 2519 และ 3.กลุ่มชาวลาวภูเขาอพยพ ทั้งนี้ เฉพาะผู้ที่ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติและมีเอกสารแสดงตน (เข้ามาถึงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2538) โดยสำนักบริหารการทะเบียน ปกรมการปกครอง ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป (หลักเกณฑ์นี้ไม่ครอบคลุมกลุ่มบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ประเภทที่อาศัยอยู่มานานซึ่งสำรวจภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ในระหว่างปี พ.ศ. 2549 ถึงปี พ.ศ. 2552) ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
(1) ไม่ปรากฏหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น
(2) เป็นบุคคลที่เกิดและมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่อง โดยมีชื่ออยู่ในเอกสารทะเบียนราษฎร และมีเอกสารทางราชการที่แสดงว่าเกิดในประเทศไทย
(3) ได้รับการศึกษาตามหลักสูตรที่ทางราชการไทยกำหนดหรือสามารถพูดและฟังภาษาไทยเข้าใจ ยกเว้นกรณีเด็กที่อายุต่ำกว่าเจ็ดปี
(4) มีความประพฤติดี ไม่เคยรับโทษคดีอาญา เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ กรณีได้รับโทษในคดีอาญาต้องพ้นโทษมาแล้วอย่างน้อยห้าปี นับถึงวันที่ยื่นคำร้อง
(5) ประกอบอาชีพสุจริต ยกเว้นพระภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาอื่นๆ ซึ่งต้องปฏิบัติกิจมาไม่น้อยกว่าห้าปี หรือผู้ยื่นคำร้องที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ และไม่ได้ประกอบอาชีพ และ
(6) ไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ

ข้อ 2 บุตรของบุคคลที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยและอาศัยอยู่มานานที่มิได้มีเชื้อสายไทย และเกิดในประเทศไทย ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเฉพาะชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับรองสถานะให้อาศัยอยู่ถาวรในประเทศไทยไว้แล้ว รวม 14 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มชาวเขา 9 เผ่า 2.กลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนพื้นที่สูงที่อพยพเข้ามาก่อนและหลัง 3 ตุลาคม 2528 3.กลุ่มอดีตทหารจีนคณะชาติ 4.กลุ่มจีนฮ่ออพยพพลเรือน 5.กลุ่มจีนฮ่ออิสระ 6.กลุ่มผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า 7.กลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมืองจากพม่า 8.กลุ่มชาวเวียดนามอพยพ 9.กลุ่มชาวลาวอพยพ 10.กลุ่มเนปาลอพยพ 11.กลุ่มอดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา 12.กลุ่มไทยลื้อ 13.กลุ่มม้งถ้ำกระบอกที่ทำประโยชน์ และ 14.กลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวกัมพูชา ทั้งนี้ เฉพาะผู้ที่ได้รับการสำรวจ จัดทำทะเบียนประวัติและมีเอกสารแสดงตน (เข้ามาถึงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2538) โดยสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป (หลักเกณฑ์นี้ไม่ครอบคลุมกลุ่มบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ประเภทที่อาศัยอยู่มานานซึ่งสำรวจภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ในระหว่างปี พ.ศ. 2549 ถึงปี พ.ศ. 2552) ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
(1) ไม่ปรากฏหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น
(2) เกิดและมีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่อง โดยต้องมีชื่ออยู่ในระบบทะเบียนราษฎร หรือมีเอกสารทางราชการที่แสดงว่าเกิดในราชอาณาจักรไทย
(3) สามารถพูดและฟังภาษาไทยเข้าใจได้ ยกเว้นกรณีเด็กอายุต่ำกว่าเจ็ดปี
(4) ต้องมีความจงรักภักดีต่อประเทศไทย และเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(5) มีความประพฤติดี ไม่เคยได้รับโทษคดีอาญา เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ กรณีได้รับโทษในคดีอาญาต้องพ้นโทษมาแล้วอย่างน้อยห้าปีนับถึงวันที่ยื่นคำร้อง
(6) ประกอบอาชีพสุจริต ยกเว้นพระภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาอื่นๆ ซึ่งต้องปฏิบัติกิจมาไม่น้อยกว่าห้าปี หรือผู้ยื่นคำร้องที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ และไม่ได้ประกอบอาชีพ และ
(7) ไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ

ข้อ 3 บุตรของคนต่างด้าวที่เกิดในราชอาณาจักรไทยและถูกบุพการีทอดทิ้งหรือไม่ปรากฏบิดาและมารดา (คนไร้รากเหง้า) ครอบคลุมเฉพาะผู้ที่ได้รับการสำรวจ จัดทำทะเบียนประวัติและเอกสารแสดงตน ตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 (บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน กลุ่มคนไร้รากเหง้า) ซึ่งได้รับการสำรวจในระหว่างปี พ.ศ. 2550 ถึงปี พ.ศ. 2552 ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป ภายใต้เงื่อนไขดังนี้
(1) เกิดและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี โดยต้องมีสูติบัตรหรือหนังสือรับรองการเกิด หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด หรือมีหนังสือรับรองความเป็นคนไร้รากเหง้าจากหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนที่จดทะเบียนตามกฎหมาย หรือสถานสงเคราะห์ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(2) มีชื่ออยู่ในเอกสารทะเบียนราษฎรและเอกสารที่ทางราชการกำหนด เฉพาะที่ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียน ภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 ซึ่งได้รับการสำรวจในระหว่างปี พ.ศ. 2550 ถึงปี พ.ศ. 2552 และ
(3) มีความประพฤติดี และไม่เคยรับโทษคดีอาญา เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ

ข้อ 4 บุตรของคนต่างด้าวที่เกิดในราชอาณาจักรไทยที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศ โดยบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ต้องมาแสดงตัวให้ทางราชการพิจารณาพร้อมหลักฐานการทำคุณประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
(1) ไม่ปรากฏหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น
(2) เกิดและมีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี โดยมีชื่ออยู่ในเอกสารทะเบียนราษฎรหรือมีเอกสารทางราชการที่แสดงว่าเกิดในประเทศไทย
(3) มีความจงรักภักดีต่อราชอาณาจักรไทย และเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(4) มีความประพฤติดีและไม่เคยได้รับโทษคดีอาญา เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ กรณีได้รับโทษคดีอาญาต้องพ้นโทษมาแล้วอย่างน้อยห้าปี
(5) ประกอบอาชีพสุจริต
(6) ไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และ
(7) เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศ โดยมีผลงานหรือความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นที่ประจักษ์และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีหน่วยงานราชการระดับกรมหรือเทียบเท่ากรมที่เกี่ยวข้องรับรองคุณประโยชน์และผลงานในสาขาต่างๆ ดังนี้
(ก) การศึกษา
(ข) ศิลปวัฒนธรรม
(ค) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(ง) การกีฬา
(จ) สาขาที่ขาดแคลน หรือสาขาอื่น ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นสมควร

ข้อ 5 กรณีบุตรของคนต่างด้าว กลุ่มเด็กและบุคคลทั้งที่กำลังเรียนอยู่ในสถานศึกษาและจบการศึกษาแล้ว แต่ไมมีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ครอบคลุมเฉพาะผู้ที่ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติและเอกสารแสดงตนในกลุ่มชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้สำรวจจัดทำทะเบียนประวัติไว้ถึงปี พ.ศ. 2542 และสำรวจเพิ่มเติมตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 (บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน กลุ่มเด็กนักเรียนในสถานศึกษา) ซึ่งได้รับการสำรวจในระหว่างปี พ.ศ. 2548 ถึงปี พ.ศ. 2552 หากมีคุณสมบัติตามที่กำหนดในมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ให้ยื่นคำร้องขอลงรายการสัญชาติไทย หากไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว ให้นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณากำหนดสถานะภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราม พ.ศ. 2548 ตามสถานะของบิดาและมารดา
ทั้งนี้ ให้ผู้ที่มีความประสงค์จะได้รับสัญชาติไทยตามประกาศนี้ ให้ยื่นคำร้องตามแบบและขั้นตอนที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด ตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้

ข้อ 6 เมื่อบุคคลใดได้รับสัญชาติไทยแล้ว ภายหลังปรากฏว่าการได้มาซึ่งสัญชาติไทย ไม่เป็นไปตามลักษณะหรือเงื่อนไขตาม (1) หรือ (2) ของข้อ 1 ถึงข้อ 4 แล้วแต่กรณี หรือบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐ หรือเป็นการเหยียดหยามประเทศชาติให้หน่วยงานรับผิดชอบถอนสัญชาติไทยบุคคลนั้นตามกฎหมาย

ประกาศ ณ วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
......................................................................................................................................
 ขอถือสัญชาติไทยตามสามี transfer nationality to thainationality
nationality
http://www.consular.go.th/main/th/services/1298/19816-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1.html

or
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=distantangel&month=08-11-2012&group=23&gblog=41
-----------------------by---------------------------------
   ----- ( bankkamo9) -----